วันอาทิตย์ที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2555

เชื้อสายจากอับราฮัมถึงชาติอิสราเอล 6

ครอบครัวยาโคบอพยพมาอยู่อียิปต์ (46:1-47:12)
ภาพที่ 1
Joseph's Family Reunion
ขบวนของยาโคบเริ่มออกจากคานาอัน หยุดพักระยะหนึ่งที่เมืองเบเออร์เชบา เมืองทางใต้สุดของคานาอัน ที่นั่นพระเจ้าทรงเพิ่มพูนความหนักแน่นให้กับความเชื่อของยาโคบ เพื่อให้ท่านจะมั่นใจว่าพงศ์พันธุ์ของท่านจะกลับมาตั้งบ้านเรือนอย่างถาวรในแผ่นดินนี้ (46:1-4) จำนวนคนที่อพยพไปอียิปต์ประมาณ 75 คน (5-27)

พวกยาโคบเป็นคนเลี้ยงแกะทั้งนั้น โยเซฟทราบดีว่าชาวอียิปต์ไม่ชอบคนเลี้ยงแกะ จึงไปขอความกรุณาฟาโรห์ให้ประทานแคว้นโกเชนให้เป็นที่อยู่อาศัยของพวกเขาโดยเฉพาะ โดยที่ชาวอียิปต์จะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยว นี่แสดงถึงไหวพริบปัญญาของโยเซฟ ถึงแม้ชาวอิสราเอลเป็นคนต่างด้าว แต่ก็ยังจะมีที่อยู่อาศัยเป็นกรรมสิทธิ์ มีโอกาสสืบทอดเผ่าพันธุ์โดยไม่ต้องกระจัดกระจายไป และไม่ต้องปะปนกับคนเชื้อชาติและศาสนาอื่น ๆ (28-34) แผนของโยเซฟนี้สำเร็จเป็นผลดี พวกคนอิสราเอลจึงตั้งถิ่นฐานในโกเชน แถบปากน้ำไนล์ (47:1-12)

งานบริหารของโยเซฟ (47:13-26)

หากว่าโยเซฟไม่ได้บริหารงานดี อียิปต์อาจไม่รอดจากภัยพิบัติการกันดารอาหาร ตอนแรกท่านเอาเงินจากประชาชน เพื่อเป็นค่าอาหาร (13-15) เมื่อเขาไม่มีเงินก็เอาสัตว์เลี้ยง และเมื่อไม่มีสัตว์เลี้ยงก็เอาที่ดินหรือแรงงานของเขาก็ได้ (16-19) เมื่อหมดเวลากันดารอาหาร ที่ดินเป็นของรัฐหมดและทุกคนทำงานให้รัฐบาล แต่โยเซฟตอบแทนอย่างยุติธรรมโดยให้พันธุ์ข้าวเพื่อทุกคนจะทำนาเลี้ยงตนเองได้ (20-24)

นโยบายเสริมสร้างเศรษฐกิจขึ้นใหม่นี้ทำให้ชาวอียิปต์มีความพึงพอใจ เพราะนอกจากทำให้เขารอดพ้นจากการอดอยากแล้ว ก็ยังช่วยให้เขามีฐานะมั่งคั่งยิ่งขึ้น ไม่ช้าเขาได้มีการเก็บเกี่ยวผลจากไร่นา ถึงแม้ว่าเขาต้องเสียภาษีต่อทางการ แต่เป็นการยุติธรรม ไม่เหมือนแต่ก่อนที่ถูกผู้มีอำนาจโกงกิน (25-26)

วันเสาร์ที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2555

เชื้อสายจากอับราฮัมถึงชาติอิสราเอล 1

11:27-15:21 อับรามเข้าคานาอัน

ภาพที่ 1
Abraham and Lot Traveling
พระเจ้าทรงเรียกอับราม (11:27-12:9)

จากเผ่าพันธุ์ต่าง ๆ ที่กระจัดกระจายอยู่นั้น พระเจ้าทรงเลือกคนหนึ่งที่จะให้เป็นต้นตระกูลชนชาติใหม่ เพื่อพระองค์จะได้ทรงใช้ชนชาตินี้เป็นทางส่งพระพรมาสู่ชาวโลกทั่วไป (ดู 12:1-3) คนนั้นชื่ออับรามอยู่เมืองเออร์ ซึ่งอยู่ในแผ่นดินเคลเดียในเมโสโปเตเมีย เออร์มีรูปเคารพมากมายที่ญาติพี่น้องของอับรามกราบไหว้กันเป็นประจำ (ยชว. 24:2) แต่อับรามนมัสการพระเจ้าแต่ผู้เดียว เมื่อเทราห์บิดาของอับรามอพยพจากเออร์ไปยังเมืองฮาราน อับรามก็ไปด้วย พร้อมกับภรรยาชื่อซารายและบุตรของน้องชายชื่อโลท (11:27-32; กจ. 7:2-4)


หลังจากที่เทราห์สิ้นชีวิต พระเจ้าทรงเรียกอับรามให้อพยพต่อไปเพื่อพระองค์จะได้ทรงใช้ท่านปฏิบัติการใหญ่ตามโครงการของพระองค์ท่านจึงได้พานางซารายกับโลทมุ่งไปยังคานาอัน ท่านเชื่อมั่นในพระสัญญาของพระเจ้าที่ว่า ท่านจะได้รับมรดกได้อาศัยอยู่ในที่ดีกว่าที่เก่าทั้ง ๆ ที่ไม่ทราบว่าจะไปทางไหน ท่านเชื่ออีกว่าจะเป็นบิดาของชนชาติใหญ่ ทั้ง ๆ ที่นางซารายเป็นหมัน (12:1-5; ฮบ. 11:8-12) แม้ชาวคานาอันยังอาศัยอยู่ในแผ่นดินนั้นก็ตาม อับรามก็ยังเชื่อสิ่งที่พระเจ้าทรงสัญญาไว้ และแสดงความเชื่อโดยสร้างแท่นบูชาที่เมืองเบธเอลถวายบูชาพระเจ้าต่อหน้าชาวคานาอัน (6-9)

วันพฤหัสบดีที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2555

เชื้อสายจากอับราฮัมถึงชาติอิสราเอล 5

37:1-50:26 ครอบครัวยาโคบอพยพไปอียิปต์
ภาพที่ 1
Jacob Giving Joseph the Coat of Many Colors
โยเซฟถูกขายเป็นทาสไปยังอียิปต์ (37:1-36)

พระเจ้าได้ทรงสำแดงให้อับราฮัมแล้วว่า พงศ์พันธุ์ของท่านจะอยู่ภายใต้การปกครองของคนต่างชาติ จนกว่าความชั่วลามกของคานาอันถึงขนาดที่พระองค์อดกลั้นพระทัยไม่ไหวอีกต่อไป จึงทรงใช้อิสราเอลโจมตียึดครองเป็นกรรมสิทธิ์ (ปฐก. 15:13-16) เรื่องราวของโยเซฟแสดงให้เห็นว่า เหตุการณ์ได้ดำเนินไปเรื่อย ๆ มุ่งสู่จุดหมายปลายทางที่พระเจ้าทรงกล่าวไว้แก่อับราฮัม

ในบรรดาบุตรชายของยาโคบ โยเซฟเป็นคนที่บิดารักมากที่สุดเป็นเหตุที่พวกพี่ชายไม่ชอบเขา และยิ่งไม่ชอบเมื่อโยเซฟเล่าความฝันให้พวกเขาฟังทำนองว่า สักวันหนึ่งโยเซฟจะมีอำนาจเหนือพวกพี่ทั้งหมด (37:1-11) พวกพี่จึงมุ่งจะฆ่าเขา แต่รูเบนช่วยชีวิตไว้ (12-24) พวกพี่ยังไม่หมดความตั้งใจที่จะทำร้ายโยเซฟ จึงขายไปให้พวกพ่อค้าที่นำเขาไปอียิปต์ โยเซฟจึงได้กลายเป็นทาสไปทำงานให้โปทิฟาร์ ขุนนางคนหนึ่งของฟาโรห์ (25-36)

ยูดาห์และการลำดับเชื้อสายของเขา (38:1-30)

ขณะที่โยเซฟอยู่อียิปต์ พี่น้องที่อยู่คานาอันก็มีปัญหาด้วย ยูดาห์บุตรคนที่สี่ของยาโคบมีบุตรสามคน คนหัวปีแต่งงานกับนางทามาร์ ยังไม่ทันมีบุตร สามีก็มาตายไปเสียก่อน ตามธรรมเนียมยูดาห์จะให้บุตรชายคนที่สองชื่อโอนันสมสู่กับแม่ม่ายทามาร์เพื่อนางจะได้มีบุตร ซึ่งจะถือกันว่าเป็นบุตรสืบเชื้อสายของพี่คนหัวปีที่ตายไปนั้น แต่โอนันไม่ยอมทำ ถ้าใครจะมีบุตรกับเขา เขาต้องการให้เป็นบุตรของเขาเอง ไม่ใช่ของพี่ชาย แต่แล้วเขาก็ไม่ได้อะไร เพราะมาตายลงเสียก่อน (38:1-10)

ยูดาห์ข้องใจว่าทามาร์นำโชคร้ายมาสู่ครอบครัวเขา เป็นเหตุให้บุตรชายเสียชีวิตไปสองคนแล้ว จึงไม่ยอมให้บุตรคนที่สามแก่นาง เกรงว่าจะเสียชีวิตไปอีกคนและยูดาห์จะไม่มีผู้สืบเชื้อสายต่อไป ทามาร์จึงคิดแค้นเคืองยูดาห์ จึงปลอมตัวเป็นโสเภณี ล่อยูดาห์ให้หลงไหลโดยยูดาห์ไม่รู้ว่าโสเภณีผู้นั้นเป็นใคร (11-19) ต่อมานางตั้งครรภ์ ยูดาห์ไม่สืบถามว่านางตั้งครรภ์กับใคร เพราะเห็นเป็นโอกาสดีที่จะกล่าวโทษนางว่าเป็นคนชั่ว ปัญหาครอบครัวจะได้หมดสิ้นไปเสียที เมื่อทามาร์เผยความจริง ยูดาห์ก็ไม่สามารถทำอะไรแก่นางได้ (20-26)

นางทามาร์คลอดบุตรชายฝาแฝด ความสำคัญของเรื่องนี้เกี่ยวกับบุตรที่คลอดก่อนชื่อเปเรศ ซึ่งมีเชื้อสายสืบต่อไปถึงกษัตริย์ดาวิด และในที่สุดสืบต่อไปถึงพระเยซูคริสต์ พระเมสสิยาห์ของอิสราเอล (27-30; ดู มธ. 1:3,6,16 ลก. 3:23,31,33)

วันอังคารที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2555

เชื้อสายจากอับราฮัมถึงชาติอิสราเอล 4

เชื้อสายจากอับราฮัมถึงชาติอิสราเอล
ภาพที่ 1.
ยาโคบเตรียมพบเอซาว (32:1-32) 

ในระยะเวลา 20 ปีที่ยาโคบจากไป เอซาวสร้างฐานะของตนอย่างมั่นคง เมื่อยาโคบกลับไปคานาอัน จะต้องผ่านเขตของเอซาว จึงหวาดกลัวเนื่องจากเหตุการณ์ที่ได้เกิดขึ้นระหว่างเขาทั้งสองเมื่อ 20 ปีก่อน จึงส่งข่าวไปบอกเอซาวเพื่อหวังจะได้กลับคืนดีกัน (32:1-8)

ประสบการณ์ของยาโคบในบ้านลาบันทำให้รู้จักถ่อมใจบ้าง เขาไม่ทำตนเป็นใหญ่เหมือนครั้งก่อนที่ชนะเอซาว เขาขอบพระคุณพระเจ้าต่อพระพรที่ได้รับมากมาย และขอพระองค์ทรงป้องกันเขาไว้เวลาพบเอซาว (9-12) ยาโคบยอมทำตัวอ่อนน้อมต่อเอซาว โดยส่งของไปให้เขา หวังว่าจะทำให้เอซาวคลายความโกรธลง (13-21)

เมื่อใกล้จะถึงเขตของเอซาว ครอบครัวยาโคบข้ามแม่น้ำยับบอกเดินทางล่วงหน้าไปก่อน ส่วนยาโคบคอยอยู่ที่ฝั่งน้ำ (22-24) ในกลางคืนนั้นพระเจ้าได้ปรากฏในสภาพเป็นมนุษย์ปล้ำสู้กับยาโคบ เป็นการทดลองความเข้มแข็งของเขา ทั้งเป็นการกล่าวโทษความเห็นแก่ตัวด้วยให้เขาเลิกพึ่งความเก่งกล้าของตนเองและหันไปพึ่งพระเจ้า เลิกต่อสู้พระองค์และมอบตัวให้ แต่ยาโคบไม่ใช่คนที่จะยอมใครง่าย ๆ แม้พระเจ้าจะเสด็จจากเขาไปขณะที่ยังมืดอยู่โดยเกรงว่ายาโคบจะเห็นพระองค์และจะตาย เขาก็ไม่ยอมให้พระองค์ไปจนกว่าพระองค์จะอวยพรเขา แม้ว่ายาโคบแพ้พระเจ้า แต่ในเวลาเดียวกันเขาก็มีชัยชนะบ้าง คือชนะตนเองด้วยแรงฤทธิ์ของพระเจ้า พระองค์ทรงตั้งชื่อใหม่ว่าอิสราเอล เพื่อเน้นว่า ต่อไปเขาจะไม่เป็นยาโคบเจ้าเล่ห์ฉลาด แต่จะเป็นอิสราเอลผู้มีชัยด้วยอำนาจของพระเจ้า (24-29) ตั้งแต่นั้นพระเจ้าทรงให้ยาโคบเจ็บตะโพกจนเดินโขยกเขยก เพื่อไม่ให้เขาลืมว่า เหตุที่เขาได้ชัยชนะก็เพราะเขารู้จักยอมแพ้ต่อพระเจ้าเสียก่อน (30-32)

วันจันทร์ที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2555

เชื้อสายจากอับราฮัมถึงชาติอิสราเอล 3

ปฐมกาล 27 : 15-16,21-22

15 แล้วเรเบคาห์นำเสื้ออย่างดีที่สุดของเอซาวบุตรชายคนโตของนาง ซึ่งอยู่กับนางในเรือนมาสวมให้ยาโคบบุตรคนเล็กของนาง
16 เอาหนังแพะหุ้มมือและคอที่เกลี้ยงเกลาของเขา

21 แล้วอิสอัคจึงพูดกับยาโคบว่า "ลูกเอ๋ย มาใกล้ๆ พ่อจะได้คลำดูเจ้า เพื่อจะได้รู้ว่าเจ้าเป็นเอซาวบุตรชายของพ่อแน่หรือไม่"
22 ยาโคบจึงเข้าไปใกล้อิสอัคบิดา อิสอัคคลำตัวเขาแล้วพูดว่า "เสียงก็เป็นเสียงของยาโคบ แต่มือเป็นมือของเอซาว"
ภาพที่ 1
Disguised to Deceive
ยาโคบได้คำอวยพรจากอิสอัค (26:34-28:9)

เป็นธรรมเนียมของคนสมัยนั้น เมื่อบิดาอยู่ในวัยชราก็จะกล่าวคำอวยพรให้แก่บุตรทั้งหลาย และมอบสิทธิ์ให้แก่บุตรหัวปี ในครอบครัวของพระเจ้าถือกันว่า คำอวยพรนี้เป็นคำพยากรณ์ด้วย กล่าวถึงพระพรที่จะได้รับในอนาคต อิสอัครู้แล้วว่าพระเจ้าประสงค์ให้ยาโคบรับสิทธิ์บุตรหัวปี ไม่ใช่เอซาว (ดู 25:23) แต่ท่านตั้งใจที่จะทำตามความปรารถนาของตน ท่านรู้ด้วยว่าเอซาวได้แสดงตนออกนอกพันธสัญญาโดยได้ภรรยาเป็นคนต่างชาติที่จะรับมรดกของพระเจ้าไม่ได้ ส่วนเอซาวร่วมมือกับบิดา
ทั้ง ๆ ที่เขาได้สาบานกับยาโคบแล้วว่าจะสละสิทธิ์บุตรหัวปีให้ยาโคบรับแทน (26:34-27:4; ดู 25:33)

นางเรเบคาร์กับยาโคบก็ผิดอีกเช่นกัน เขาหลอกอิสอัคทั้งโกหกอย่างหน้าด้านด้วย (5-24) ถึงกระนั้นในบั้นปลายทุกสิ่งสำเร็จลงตามพระประสงค์ของพระเจ้า ยาโคบได้รับมอบหมายให้เป็นผู้นำพลไพร่ของพระเจ้า เขาจะมีชัยชนะต่อเหล่าศัตรูทั้งหลาย และจะได้อาศัยอยู่ในแผ่นดินที่พระเจ้าประทานให้ (25-29)

อิสอัคผิดหวังในแผนการที่จะอวยพรเอซาว แต่ยอมรับว่า ท่านไม่สามารถเปลี่ยนน้ำพระทัยพระเจ้าได้ (30-37) อนาคตของเอซาว (มีอีกชื่อหนึ่งว่าเอโดม ดู 25:25,30) จะเป็นต้นตระกูลของอีกชาติหนึ่งที่จะอยู่ตามภูเขาทุรกันดาร มีชีวิตความเป็นอยู่ด้วยการสู้รบกับเผ่าต่าง ๆ ใกล้เคียง โดยเฉพาะชนชาติอิสราเอล แต่บางครั้งเขาจะมีชัยชนะและเป็นอิสระบ้าง (38-40; ดู กดว. 24:18; 1 ซมอ. 14:47; 2 ซมอ. 8:13-14;1 พกษ. 11:15-16; 2 พกษ. 8:20-22; 14:7,22)

พอเอซาวทราบว่าถูกน้องเอาเปรียบก็โกรธมากคิดจะฆ่าน้องเสียเมื่อนางเรเบคาร์ทราบเรื่องก็วางแผนอีก จะส่งยาโคบให้ไปอยู่กับลาบันพี่ชายของนางเพื่อความปลอดภัย (41-45) แต่เมื่อนางบอกอิสอัคก็อ้างเหตุผลอีกอย่างหนึ่ง เพราะนางรู้ว่าอิสอัคยังคงโกรธยาโคบอยู่ นางจึงพูดเพียงว่าจะส่งยาโคบให้ไปหาภรรยาเท่านั้น ซึ่งอิสอัคคงไม่คัดค้านเพราะท่านปวดหัวเรื่องภรรยาเอซาวที่เป็นชาวคานาอัน (46; ดู 26:34-35) อิสอัคไม่อยากมีลูกสะใภ้ชาวคานาอันอีก จึงบอกเรเบคาห์ให้ส่งยาโคบไปหาภรรยาในวงศ์วานของนางดีกว่า อิสอัคอวยพรยาโคบอีกครั้งหนึ่งแล้วก็ส่งไป นางเรเบคาห์คงดีใจในความฉลาดของตน แต่ความฉลาดนี้ส่งผลให้นางไม่ได้พบกับลูกสุดที่รักอีกตลอดชีวิต (28:1-5)

ฝ่ายเอซาวเมื่อเห็นบิดารำคาญลูกสะใภ้ชาวคานาอัน ก็เอาภรรยาอีกคนหนึ่งที่ไม่ใช่ชาวคานาอัน แต่เป็นบุตรของอิชมาเอล จึงเป็นการยืนยันว่าเอซาวอยู่นอกพันธสัญญาที่พระเจ้ากระทำไว้กับอับราฮัม (6-9)

เชื้อสายจากอับราฮัมถึงชาติอิสราเอล 2

อับราฮัมสำแดงความเชื่อในเรื่องอื่น (22:20-23:20)

ภาพที่ 1

Abraham and Son Isaac Learning About God
ขณะที่อับราฮัมสร้างครอบครัวให้มั่นคงขึ้นในคานาอัน ครอบครัวของน้องชาย ชื่อนาโฮร์ ได้ขยายตัวในเมโสโปเตเมีย รายชื่อที่บันทึกไว้นี้ก็เพื่อแนะนำเรเบคาห์ ซึ่งจะเป็นภรรยาของอิสอัคต่อไป (20-24)

ส่วนอับราฮัมได้ย้ายจากเบเออร์เชบาไปยังเฮโบรน นางซาราห์สิ้นชีวิตลงที่นั่น (23:1-2) แม้อับราฮัมอยู่ในแผ่นดินที่พระเจ้าได้ทรงสัญญาไว้ แต่ท่านก็ยังอยู่ในฐานะคนต่างด้าว ไม่มีที่ดินเป็นกรรมสิทธิ์ของตนแม้แต่ตารางวาเดียว ดังนั้นท่านได้ซื้อที่ดินไว้แปลงหนึ่งเพื่อใช้เป็นที่ฝังศพภรรยา และยิ่งกว่านั้นเพื่อเป็นมัดจำว่า ต่อไปท่านจะเป็นเจ้าของแผ่นดินนี้ทั้งหมด (3-18) การถูกฝังศพในคานาอันเป็นเครื่องหมายแสดงว่า สักวันหนึ่งคานาอันจะเป็นบ้านเมืองของพงศ์พันธุ์นี้ (19-20; ดู 25:8-10; 49:29-32; 50:13,25 ฮบ. 11:13,22)

วันพฤหัสบดีที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2555

เผ่าอิสราเอล 12 เผ่า



เผ่าอิสราเอล 12 เผ่า
แผนที่ 1

1. อาเชอร์
2. นัฟทาลี
3. เบนยามิน
4. เศบูลุน
5. อิสสาคาร์
6. มนัสเสห์
7. เอฟราอิม
8. กาด
9. ดาน10. ยูดาห์
11. รูเบน
12. สิเมโอน[กับเลวี]

เผ่าอิสราเอล 12 เผ่า


ยาโคบอวยพรบรรดาบุตรชาย (49:1-28)

คำอวยพรแก่บุตรยาโคบเป็นคำพยากรณ์ถึงอนาคตของเผ่าที่จะสืบเชื้อสายจากพวกเขา (49:1-2) คำอวยพรนี้แบ่งบุตรออกเป็นสามกลุ่ม

กลุ่มแรกคือ บุตรหกคนของเลอาห์ (ดูข้อ 3-15)
กลุ่มที่สองคือ บุตรสี่คนของสาวใช้ (ดูข้อ 16-21)
กลุ่มสุดท้ายคือ บุตรของราเชล (ดูข้อ 22-27)

วันพฤหัสบดีที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

ปลดเกษียณ เปลี่ยนวิถี...



12 ปี ประถม – มัธยมท้าย
4 ปี หมาย มหา’ลัย แห่งชนผอง
7 ปี ออก* นอกรั้ว น้ำเงิน – ทอง
อุดมการณ์ ยังก้อง กัง วาล ไกล

ปี ’32 ก้าวสู่ “ปราสาทสังข์”
คือความหวัง ตั้งต้น ชนรุ่นใหม่
หวังสร้างตัว สร้างตน ชนศิวิไลซ์
เพื่อนสนิท มิตรสหาย..สู่นายคน

ปี ’52 ลองทบทวน อย่างถ้วนถี่
20 ปี ให้ หลัง ยัง เข้ม ข้น
ปลดเกษียณ เปลี่ยนวิถี ชีวิตชน
สู่ ตัว ต น ชั้ น ช น ค น ส า มั ญ

สามัญชน
๒๒ กรกฎาคม ๒๕๕๓
🙏❤️💋😘🐸🐠🐬🐞🌐🌀🌏
https://t.ly/luIr
https://wp.me/P3uK8h-1

7 ปี ออก* จบมา 7 ปี [2524 – 2531 รหัส 201- จบปีการศึกษา 2523]

#ปลดเกษียณเปลี่ยนวิถี , มหาลัยแห่งชนผอง, รั้วน้ำเงินทอง, ปราสาทสังข์, ชนรุ่นใหม่, ชนศิวิไลซ์, ชั้นชนคนสามัญ, สามัญชน